ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Review Kindle 3 ตอนที่ 1

หลังจากเขียน blog แกะกล่องไปเมื่อวาน วันนี้เลยกลับมารีวิว Kindle 3 ตามที่ได้บอกไว้นะครับ

Kindle 3 หรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการจาก amazon คือ Kindle Graphite - Latest Generation โดยที่ kindle 3 นี้ทางมีจำหน่าย 2 แบบคือ Kindle 3G + Wifi (189$) และ Kindle Wifi (139$) ซึ่งผมเลือกซื้อรุ่น Kindle Wifi ครับ เพราะราคาถูกกว่า และผมก็คิดว่าคงไม่ได้เอา Kindle ไปเล่นเน็ตหรือซื้อหนังสือทาง Kindle Store นอกบ้านแน่ๆ ไม่คุ้มค่าอย่างแรงสำหรับผม (แม้ว่าจะทราบว่า Kindle 3G เล่นเน็ตได้ฟรีใน 100 ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย เพราะทาง Amazon ทำสัญญา Global ไว้กับ AT&T ครับ)


หลังจากที่ผมได้สัมผัสตัวเป็นๆของ Kindle3 บอกได้เลยว่าประทับใจและเหนือความคาดหมายไปพอสมควร จากการที่หาข้อมูลและอ่านรีวิวจากที่ต่างๆ ก็ไม่นึกว่า Kindle3 จะเล็ก บาง และเบาขนาดนี้ วัสดุที่ใช้ทำก็ดูดี เรียบหรู งานประกอบต่างๆเรียบร้อยไร้ตำหนิใดๆครับ เวลาจับถือก็สามารถจับถือได้ถนัดมือครับ

ขนาดตัวเครื่องเมื่อวางเปรียบเทียบกับ iPhone 3Gs ครับ


ด้านหน้าตัวเครื่อง ด้านบนเป็นโลโก้ Amazon Kindle และจอ e-ink ขนาด 6 นิ้วครับ (และสามารถแสดงภาพในรูปแบบ gray scale อย่างภาพปกหนังสือ ได้อย่างสวยงามครับ)
และด้านข้างทั้งสองข้างจะมีปุ่มเลื่อนหน้าหนังสือครับ สามารถใช้ทางซ้ายหรือขวาก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่าคุณถือด้วยมือข้างไหนครับ

ด้านล่างเป็น keyboard แบบ QWERTY ครับ แต่ไม่มีปุ่มตัวเลขนะครับ ถ้าจะพิมพ์ตัวเลขหรือสัญลักษณ์ต่างๆต้องเลือกผ่านปุ่ม Sym ครับ และก็มีปุ่มควบคุม 4 ทิศทางและปุ่ม select ครับ
เมื่อเห็น keyboard หลายคนก็สงสัยว่าเจ้า kindle มี keyboard ไว้ทำไม เครื่องอ่านหนังสือ ebook แล้วเราต้องพิมพ์อะไรด้วยหรือ ก็บอกได้ว่า เราสามารถใช้ได้ในหลายกรณีเช่น เราสามารถทำโน๊ตลงในหน้าหนังสือขณะที่เรากำลังอ่านอยู่ได้ครับ (เหมือนหนังสือจริงๆเลย) หรือ เราสามารถค้นหาข้อความจากหนังสือต่างๆในเครื่องได้ครับ และอีกอย่างก็คือเอาไว้เล่นเน็ต เล่น facebook ได้ครับ

มาดูด้านหลังเครื่องกันครับ ด้านบนเป็นลำโพงครับ พร้อมโลโก้ครับ
ลำโพงของ Kindle เอาไว้สำหรับฟังชั่นสุดเจ๋ง Text to Speech ครับ ฟังชั่นนี้ก็คือให้เครื่อง kindle อ่านหนังสือให้ฟังครับ (สำหรับหนังสือภาษาอังกฤษเท่านั้นนะครับ) โดยที่มีเสียงอ่านให้เลือกใช้ทั้งเสียงผู้หญิง และเสียงผู้ชายครับ และสามารถปรับความเร็วของเสียงอ่านได้ด้วยครับ และยังสามารถฟังเพลง mp3ได้ด้วยครับ เอาไว้เปิดเพลงคลอไปกับการอ่านหนังสือ หรือจะเอาไว้ใช้แทน mp3 player อื่นๆก็ได้ครับ

มาดูด้านล่างของเครื่องกันครับ
ไล่จากซ้ายมาขวานะครับ อันแรกปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงครับ ต่อมาก็ช่องเสียบหูฟังขนาดมาตราฐานครับ 3.5mm ครับ ต่อมาเป็น microphone ครับ ต่อมาก็ช่อง micro USB สำหรับชาร์จไฟและต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ครับ ต่อมาก็ปุ่มslideเพื่อเปิด-ปิดเครื่อง และไฟแสดงสถานะการชาร์จครับ

หน้าจอแสดงผลเวลาอ่านหนังสือ จะแสดงผลอย่างนี้ครับ (ภาพอาจจะเบลอหน่อยนะครับเพราะถ่ายด้วยกล้องมือถือ แต่ของจริงคมชัดมากๆครับ)
และเราสามารปรับขนาดตัวหนังสือได้ครับ เพื่อให้เหมาะกับสายตาของแต่ละคนครับ ซึ่งขนาดตัวอักษรที่มีมาให้ก็ตั้งแต่เล็กจิ๋วจนถึงตัวเบ้อเริ่มครับ

สำหรับวันนี้คงขอจบตอนแรกก่อนนะครับ เพราะรู้สึกว่ามันยาวมากแล้ว แล้วอ่านกันต่อที่ตอนที่ 2 นะครับ

ดังนั้นตอนนี้ขอปิดเครื่อง Kindle ก่อนนะครับ
เวลาที่เราปิดเครื่อง kindle จะสุ่มภาพมาแสดงผล เป็น screen saver ค้างไว้ที่หน้าจอครับ โดยที่ภาพส่วนใหญ่เป็นภาพของนักเขียนดังๆในอดีตครับ อย่างภาพตัวอย่างด้านบนนะครับ สำหรับวันนี้ขอจบตอนแรกก่อนนะครับ

ขอบคุณครับ


Click here to Read more...

Unboxing My Kindle 3 - แกะกล่อง Kindle 3


รอตั้งหลายวันในที่สุดก็มาแล้วครับ Amazon Kindle 3 ของผม มากันสองกล่อง กล่องเล็กคือ เจ้า Kindle ส่วนอีกกล่องเป็นปกหนังและปลั๊กไฟ(แบบ EU) ครับ เพราะว่าถ้าเราสั่ง Kindle แบบ international จะไม่มีปลั๊กไฟแถมให้ครับ ต้องซื้อเพิ่มเอาเองโดยที่ Amazon ลดราคาปลั๊กไฟให้จาก 15$ เหลือ 4.99$

มาแกะกล่อง Kindle กันก่อนดีกว่าครับ วิธีแกะก็คือเราต้องดึง/ฉีกลิ้นกล่องออกตามลูกศรครับ ฉีกแล้วก็จะติดกลับอย่างเดิมไม่ได้ เป็นการการันตีได้อย่างนึงว่า Kindle ตัวนี้ใหม่เอี่ยมสำหรับคุณนะครับ

เปิดกล่องออกก็จะเจอเจ้า Kindle แล้วครับ นอนรอเราอยู่ในกล่อง โดยมีแผ่นพลาสิกใสแปะด้านหน้าและแปะด้านหลังอยู่ครับ ถ้าดูจากรูปจะเห็นว่ามี Instruction เล็กๆ แสดงให้เราดูอยู่ใช่ไหมครับ Instruction นั้นไม่ได้แปะหรือพิมพ์อยู่บนแผ่นพลาสติกนะครับ มันคือการแสดงผลของจอ Kindle ครับ แสดงประสิทธิภาพของจอ e-ink กันตั้งแต่เปิดกล่องกันเลย คือจอแบบ e-ink จะไม่ใช้ไฟเลยถ้าไม่มีการเปลี่ยนการแสดงผลครับ หรือ refresh หน้าจอครับ

นี่ไงครับ Kindle ตัวเป็นๆ ตัวเล็กกว่าที่คิดครับ เล็ก บาง และเบามากครับ หน้าจอการแสดงผลแทบไม่ต่างจากหนังสือธรรมดาเลยครับ ตัวหนังสือต่างๆก็คมชัดมากๆ และจอของ Kindle ไม่มีแสง back light ออกมาเหมือนกับจอ LCD นะครับ ดังนั้นทำให้การอ่านหนังสือจาก Kindle ไม่ต่างจากการอ่านหนังสือปกติเลยครับ และถ้าไม่มีแสงก็อ่านไม่ได้เช่นเดียวกับหนังสือปกติครับ



นอกจากตัว Kindle แล้วในกล่องก็จะมีคู่มือกระดาษบางๆ 1 เล่ม และสาย USB สำหรับเชื่อต่อและชาร์จไฟกับ Computer ครับ

มาเริ่มแกะกล่องที่สองกันดีกว่า คราวนี้ก็เป็นปกหนัง Leather Cover ของ Kindle ครับ
ใน order นี้ผมสั่งซื้อปกหนังไปพร้อมกับตัว Kindle ครับ โดยที่ปกหนังนี้เป็นสินค้าที่ทาง Amazon จำหน่ายเองครับ

สำหรับกล่องของปกหนังจะคล้ายกับกล่อง Kindle เลยครับ ต้องฉีกออกเท่านั้นถึงจะยลโฉมปกหนังแสนสวยตัวนี้ได้

สำหรับของผม ผมสั่งซื้อปกหนังสีน้ำเงินไปครับ ที่ Amazon มีหลายสีให้เลือกครับ ใครชอบสีไหนก็เลือกสีนั้นตามใจชอบเลยครับ และปกหนังที่ amazon ขายจะมีสองแบบคือแบบธรรมดา (34.99$) อย่างของผม และแบบมีไฟอ่านหนังสือครับ แต่แบบมีไฟอ่านหนังสือแพงมาก (59.99$) ผมเลยไม่ได้ซื้อแบบนั้นครับ (ราคาที่บอกยังไม่รวม shipping และ Tax นะครับ รวมแล้วแบบมีไฟจะตกประมาณ สามพันบาท แบบธรรมดาประมาณ หนึ่งพันเจ็ดร้อยบาทครับ)
โดยปกหนังของ Amazon นี้จะมียางยืดไว้รัดปกนะครับ โดยจะมีโลโก้ amazon kindle อยู่ที่สายรัดด้วยครับ สวยๆ ชอบมาก เวลาใช้ปกหนังนี้กับ kindle ดูแทบไม่ออกครับว่านี่คือ kindle นึกว่าสมุด diary หรือ planner ธรรมดาๆ

มาแกะกล่องที่สามกันต่อครับ ปลั๊กไฟ Ac Adapter ครับ กล่องปลั๊กไฟนี้ก็จะเป็นแบบเดียวกับกล่อง Kindle และกล่อง Cover เลยครับ ฉีกออกมาดูกันเลย
เจ้าปลั๊กไฟนี่เป็นของที่จำยอมซื้อมาแท้ๆเลยครับ ก็ amazon ไม่รู้ทำไมหน้าเลือดกับคนนอกอเมริกาจังเลย ถ้าซื้อเครื่องที่เป็น US จะแถมปลั๊กไฟ (เป็นแบบขาแบนสองขา) แต่ถ้าเราซื้อแบบ international แถมแต่สาย USB ต้องซื้อปลั๊กไฟต่างหาก โดยจะมีโปรโมชั่นให้เลือกซื้อได้แบบ UK (ปลั๊กสามขาแบนๆใหญ่ๆ) และปลั๊กแบบ EU สองขากลม คือแบบที่ผมเลือกครับ (ตอนแรกไปเลือกซื้อแบบ US แล้วครับ แต่มันไม่มีส่วนลดให้ขาย 15$ เต็มๆ เลยไม่เอา ยอมเอาแบบ EU 4.99$ ก็ได้)

ตัวปลั๊กสวยดีครับมี logo Amazon ด้วยเท่ห์ดีครับ ในกล่องปลั๊กไฟมีสาย USB มาด้วยครับ ทำให้ตอนนี้เจ้า kindle น้อยผมมีสาย USB สองเส้น ดีเหมือนกันจะได้ใช้พกพา 1 เส้น ทิ้งไว้บ้าน 1 เส้น

จบแล้วครับสำหรับการแกะกล่อง Kindle และผองเพื่อนครับ คราวนี้ร่ายยาวเลยเพราะอยากให้ blog นี้เป็น reference ให้กับเพื่อนๆที่สนใจจะหาข้อมูลของ kindle ก่อนซื้อครับ เพราะผมเองก่อนซื้อก็หาข้อมูลเยอะมาก เจอบ้างไม่เจอบ้าง หวังว่า blog นี้คงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ

เดี๋ยวพรุ่งนี้มา review เจ้า kindle ให้ดูกันต่อครับ

สนใจ Kindle ลองดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ Amazon นะครับ >>> Amazon Kindle Wireless Reading Device, Wi-Fi, 6


Click here to Read more...

วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Burin Boonvisut's 1st Solo Album



วันนี้แค่แวะมาแนะนำ CD ที่ผมเพิ่งซื้อมาฟังล่าสุดครับ "Burin Boonvisut : Impression Tour Gran Turismo" เป็น Solo อัลบั้มเดี่ยว อัลบั้มแรกของบุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ นักร้องนำจากวง Groove Riders ครับ ผมเองนั้นเป็นแฟนเพลงของวง Groove Riders อยู่แล้วเมื่อ บุรินทร์ ออกอัลบั้มมีหรือที่จะพลาดครับ

สำหรับอัลบั้มนี้ก็มีกลิ่นอายของ Groove Riders อบอวลเลยหล่ะครับ หลายๆเพลงเป็นแนวฟังสบายๆ ครับ และในอัลบั้มนี้ก็มีเพื่อนๆนักดนตรี นักร้องมาร่วมแจมกันมากมายครับ แนะนำครับ ลองหามาฟังกันนะครับ



ปล. ถ้ารักถ้าชอบศิลปินคนไหน หรือเพลงอะไรก็ตาม ช่วยกันอุดหนุนผลงานแท้ๆแบบถูกต้องๆเถอะครับ และขอขอบคุณภาพประกอบจากเน็ตนะครับ Click here to Read more...

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รวบรวมโฆษณาทาง TV ของ Kindle

เมื่อวาน update blog ไปโดยเอาโฆษณาของ Kindle ที่ไปจิกกัด iPad มาลง blog แล้วก็เลยคิดว่า เราน่าจะเอาโฆษณา Kindle แบบปกติๆ มาลงบ้างดีกว่า ก็เลยลองไปค้นดูจาก youtube ก็เจออยู่หลายตัว แต่เลือกเอาชุดนี้มานำเสนอก่อน เพราะผมชอบเป็นการส่วนตัวครับ

โฆษณาของ Kindle ชุดนี้ใช้เทคนิค stop motion ในการสร้างภาพ vdo บอกเล่าเรื่องราวของเจ้า Kindle ได้อย่างยอดเยี่ยม แถมเพลงประกอบก็เพราะเสียด้วย ลองไปดูกันนะครับ

โฆษณา Kindle ตัวที่ 1


โฆษณา Kindle ตัวที่ 2


โฆษณา Kindle ตัวที่ 3



Click here to Read more...

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Kindle กัด iPad แบบเจ็บๆ ผ่านทาง TV ads

ความจริงข่าวนี้มันเก่าแล้วนะครับ และโฆษณาตัวนี้ก็ออกมาตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน (มั๊ง) ครับ แต่ว่ามันดูขำๆ และก็ทำให้เราได้รับทราบว่าวงการโฆษณาเมืองนอกเค้าเล่นกันแร๊งงงง

เนื้อหาของโฆษณานี้ก็คือเอาจุดด้อยของ Tablet แบบจอ LCD มาเล่นนั่นเองครับ ว่าจอแบบนี้ใช้งานกลางแจ้ง(แดดจ้า) ได้ไม่ดี (แต่อย่าลืมว่า Kindle หรือ ebook reader แบบจอ e-ink ก็ใช้งานในที่มืดไม่ได้นะครับ)

ไปลองชมกันดูนะครับ ....

Click here to Read more...